เริ่มกันที่ ‘เกลือสีขาว’ ที่หลายคนคุ้นเคยกันมากที่สุด เพราะเป็นเกลือที่นิยมนำมาเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร มีราคาถูก หาได้ง่าย และเข้ากันได้ดีกับอาหารทุกประเภท มักใช้กันอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ เกลือสินเธาว์ (Rock Salt) และเกลือสมุทร (Sea Salt)
เกลือสมุทรหรือเกลือทะเล เป็นเกลือได้จากการนำน้ำทะเลขึ้นมาตากแดดจนระเหยเหลือแต่ผลึกเกลือ ทำให้เกลือชนิดนี้มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายปะปนอยู่ตามธรรมชาติ เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม และ “ไอโอดีน” แร่ธาตุที่สำคัญที่ช่วยสร้างฮอร์โมนไทรอยด์และป้องกันโรคคอพอก
ส่วน เกลือสินเธาว์ เป็นเกลือที่ได้จากน้ำใต้ดินและนำมาผ่านการตากแดดหรือต้มให้เป็นตะกอนเกลือ เกลือชนิดนี้จะไม่มีไอโอดีนผสมอยู่ตามธรรมชาติจึงต้องมีการเสริมไอโอดีนลงในเกลือก่อนวางขาย นอกจากนี้ยังนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตสบู่ นำยาทำความสะอาด หรือเครื่องสำอาง
เกลือสีชมพูหิมาลายัน (Himalayan Pink Salt) คือเกลือสินเธาว์ชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่เหมืองเกลือคิวรา (Khewra) ใกล้กับเทือกเขาหิมาลัยในประเทศปากีสถาน มีผิวสัมผัสเป็นผลึกหยาบ และมีสีชมพูอ่อนตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการสะสมของ ไอรอนออกไซด์ (Iron Oxide)
เกลือสีชมพูหิมาลายันขึ้นชื่อว่าเป็นเกลือทางเลือกของคนรักสุขภาพ นิยมนำมาปรุงอาหารแทนการใช้เกลือแกง หรือการนำมาใช้หมักเนื้อสัตว์ เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยในการปรับสมดุลในร่างกาย ขับสารพิษ นอกจากนี้ยังมีรสเค็มกว่าเกลือทั่วไป แต่มีโซเดียมต่ำ ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้เกลือในการปรุงอาหารได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังขาดงานวิจัยที่เพียงพอที่จะยืนยันว่าเกลือหิมาลายันสีชมพูมีสรรพคุณในด้านสุขภาพ เพราะฉะนั้นควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของแต่ละคน ซึ่งขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และสภาวะร่างกาย โดยทั่วไปผู้ใหญ่ไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน และเด็กไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 1,900 มิลลิกรัม/วัน
เกลือกาลานามัก (Kala Namak) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า “เกลือหิมาลายันสีดำ” มีลักษณะเฉพาะอยู่ที่ผิวสัมผัสสีดำและกลิ่นฉุนอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นไข่เน่า โดยสีดำและกลิ่นที่ได้นี้ เกิดจากนำเกลือสินเธาว์ที่ขุดได้จากเหมืองคิวราแหล่งกำเนิดเดียวกันกับเกลือสีชมพูหิมาลายัน ไปผ่านกระบวนการเผาในภาชนะที่ปิดสนิท ประมาณ 24 ชั่วโมง จนกลายเป็นสีดำ
เกลือกาลานามักจัดเป็น เกลือหายากและมีราคาแพง พบได้เฉพาะในแทบประเทศอินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ มีรสชาติเค็มกลมกล่อม แต่ไม่เค็มจัด ออกเปรี้ยวเล็กน้อย นิยมนำมาใช้เพิ่มความเค็มในอาหาร โดยเฉพาะอาหารมังสวิรัติ
เกลือเปอร์เซียสีฟ้า (Persian Blue Salt) จัดเป็นเกลือชนิดหายาก มีแหล่งต้นกำเนิดอยู่ในบริเวณแทบเทือกเขาซากรอส (Zagros) ในประเทศประเทศอิหร่าน ลักษณะเป็นผลึกสีฟ้าอ่อนไปจนถึงสีน้ำเงิน ซึ่งเกิดจากการเจือปนของแร่ซิลไวต์ (Sylvite) ที่ปะปนอยู่ในผลึกเกลือ
เกลือเปอร์เซียนสีฟ้า เกิดจากการตกผลึกตามธรรมชาติที่ใช้เวลาหลายศตวรรษ อุดมไปด้วยแร่ธาติหลากหลายชนิด เช่น โพแทสเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคาร์บอเนต โซเดียมคลอไรด์ และโพแทสเซียม มีรสชาติเฉพาะตัว คือมีรสเค็มออกเผ็ดเล็กน้อยกลมกล่อม นิยมนำมาปรุงรสในอาหารทะเล, เนื้อ, ทรัฟเฟิล และฟัวส์กราส์
เกลือฮาวายสีแดง (Red Hawaiian Salt) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เกลืออัลลาแอ” (Alaea salt) เป็นเกลือสมุทรชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะเป็นผลึกสีแดงอิฐหรือสีน้ำตาลแดง เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุที่ผสมเข้ากับดินภูเขาไฟ
เกลือฮาวายสีแดง มีรสชาติเบาบาง และเค็มน้อยกว่าเกลือแกงทั่วไป มักใช้เป็นส่วนผสมในอาหารพื้นเมืองของชาวฮาวาย ใช้สำหรับหมักเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และปลา โดยเฉพาะปลาแซลมอน นอกจากนี้ยังใช้สำหรับเพิ่มรสชาติในของหวาน เช่น คาราเมล และไอศกรีมได้อีกด้วย
เกลือทะเลเซลติกสีเทา (Celtic Grey Sea Salt) เป็นเกลือทะเลที่พบได้ในบริเวณปากแม่น้ำใกล้กับเมืองเกรองด์ (Guérande) ประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นเม็ดหยาบ ผลึกมีสีเทาอ่อน ๆ ให้รสชาติเค็มและเปรี้ยว
เกลือทะเลเซลติกสีเทา ขึ้นชื่อว่าเป็นเกลือที่มีคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้เวลานานและพิถีพิถัน โดยอาศัยการระเหยตามธรรมชาติจากแสงแดดจนตกผลึก อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่หลากหลาย เช่น แมกนีเซียม โปแทสเซียม แคลเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ เกลือชนิดนี้เข้ากันได้ดีกับอาหารทะเล อาหารประเภทซุปและสตูว์ หรืออาหารประเภทย่าง
ความน่าสนใจของเกลือยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพลิดเพลินกับสาระความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับ “เกลือ” เที่ยวนาเกลือ เรียนรู้การแปรรูปดอกเกลือ ได้ที่รายการ สูงวัยวาไรตี้
แหล่งข้อมูล : Country living