ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
ความแตกต่างระหว่าง เซลล์พืช VS เซลล์สัตว์
แชร์
ฟัง
ชอบ
ความแตกต่างระหว่าง เซลล์พืช VS เซลล์สัตว์
28 มี.ค. 66 • 16.03 น. | 34,862 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกล้วนประกอบไปด้วยหน่วยย่อยพื้นฐานที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั่นก็คือ เซลล์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด และเซลล์แต่ละชนิดนั้นมีการทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ที่เกิดจากเซลล์หลากหลายชนิดมาเชื่อมต่อกันในจำนวนหลายล้านเซลล์ นับว่าเป็นเซลล์ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา และสามารถพบได้บ่อยที่สุด วันนี้ ALTV จะขอพาไปเรียนรู้ และทำความรู้จักกับประเภท รวมถึงหน้าที่ของเซลล์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

สิ่งมีชีวิตบางชนิดอาจเกิดจากเซลล์เพียงเซลล์เดียว ทำให้มีขนาดเล็ก และมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน แต่อีกบางชนิดก็อาจจะเกิดขึ้นจากเซลล์หลายชนิด โดยสามารถแบ่งสิ่งมีชีวิตได้ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โพรคาริโอต และ เซลล์ยูคาริโอต

🔸เซลล์โพคาริโอต (Prokaryotic cell) 

เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบไปด้วยออร์แกเนลที่ไม่มีเยื่อหุ้มสารพันธุกรรม หรือ นิวเคลียส ฉะนั้นสารพันธุกรรมจะอยู่ในไซโทพลาสของเซลล์เหล่านั้น มีลักษณะค่อนข้างเล็กอยู่ที่ 0.2-10 ไมโครเมตร และมักเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว หรือสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในอาณาจักรโมเนอรา และสามารถพบได้ในตระกูล แบคทีเรีย และ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน เป็นต้น

🔸เซลล์ยูคาริโอต (Eukaryotic cell)

เป็นเซลล์ที่พบได้ในอาณาจักรโปรติสตา ฟังใจ พืช และสัตว์ รวมถึงมนุษย์ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะว่ามนุษย์นั้นมีโครงสร้างที่จัดอยู่ในอาณาจักรสัตว์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นในมนุษย์จะพบเซลล์ยูคาริโอต แต่จะไม่พบเซลล์โพคาริโอต โดยในเซลล์นี้จะมีเยื่อหุ้มนิวเคลียสที่ชัดเจน สารพันธุกรรมต่าง ๆ ก็จะอยู่ในนิวเคลียส ซึ่งมีขอบเขตให้เห็นได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเซลล์ที่สามารถพบได้บ่อย ๆ ได้แก่ 

  • เซลล์พืช มีรูปร่างเป็นเหลี่ยมมีผนังเซลล์อยู่ด้านนอก และมีคลอโรพลาสต์ภายใน โดยในเซลล์นี้จะไม่มีเซนทริโอล ส่วนแวคิวโอลมีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเซลล์พืชนั้นจะมีออร์แกเนลล์อยู่ 2 ตัว ที่เซลล์พืชมีแต่เซลล์สัตว์ไม่มี นั่นก็คือ ผนังเซลล์ และ คลอโรพลาสต์ เพราะว่าพืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง คลอโรพลาสต์จึงเป็นส่วนสำคัญในการสังเคราะห์ด้วยแสงนั่นเอง
  • เซลล์สัตว์  จะมีในส่วนของไรโบโซม เซนทริโอล ซึ่งมีลักษณะเป็นกลม หรือ กลมรี ไม่มีผนังเซลล์แต่มีสารเคลือบเซลล์อยู่ด้านนอก ไม่มีคลอโรพลาสต์ แต่มีเซนทริโอลใช้ในการแบ่งเซลล์ ส่วนแวคคิวโอลมีขนาดเล็กมองเห็นไม่ค่อยชัดเจน และทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเซลล์สัตว์จะมีในส่วนของไรโบโซม เซนทริโอลที่เป็นออร์แกเนลล์ที่มีในเซลล์สัตว์ แต่ไม่มีในเซลล์พืช

         นอกจากนี้ ทั้งเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ มักจะมีออร์แกเนลล์ที่สำคัญอยู่หลายชนิด ได้แก่

1.นิวเคลียส (Nucleus)

         เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล์ 2 ชั้น และมีความสำคัญกับเซลล์มาก เพราะว่าเป็นที่บรรจุของสารพันธุกรรม DNA บริเวณที่เกิดการจำลองตัวเอง (Replication DNA) และ การถอดรหัสของดีเอ็นเอ (Transcription DNA) ในทางกลับกันบางเซลล์ก็ไม่มีนิวเคลียสยกตัวอย่างเช่น เซลล์เม็ดเลือดแดงของสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และเซลล์ชีฟทิวบ์ในท่อลำเลียงอาหารของพืช

2.ไรโบโซม (Ribosome)

         เป็นออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์ ลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ เกาะอยู่ 2 จุด ทั้งในไซโทพลาสซึม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการผลิตโปรตีนสำหรับใช้ในเซลล์ และอีกจุดหนึ่งจะเกาะอยู่ในบริเวณเอนโดพลาสมิกเรติคูลัม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการผลิตโปรตีนเพื่อส่งออกไปยังนอกเซลล์ต่าง ๆ

3.เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม (Endoplasmic Reticulum)

         เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล์เพียงชั้นเดียว สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบขรุขระ (Rough ER) โดยจะมีตัวไรโบโซมมาเกาะอยู่จึงต้องคอยทำหน้าที่ในการสังเคราะห์โปรตีนเพื่อส่งออกนอกเซลล์ต่อไป และ เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบเรียบ (Smooth ER) ทำหน้าที่ในการสังเคราะห์ลิพิดหรือว่าไขมัน และมี ตับ เป็นอวัยวะที่สำคัญทำหน้าที่คอยกำจัดสารพิษให้กับร่างกายของเรา

4.กอลจิคอมเพลกซ์ (Golgi complex)

         มีชื่อเรียกทั่วไปอีก 2 ชื่อที่สามารถเรียกได้ทั้ง กอลจิบอดี้ (Golgi body) และ กอลจิแอพพาราตัส (Golgi apparatus) ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล์เพียงชั้นเดียว มีหน้าที่ในการเติมคาร์โบไฮเดรตให้กับโปรตีนที่สังเคราะห์มาจากเอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบขรุขระ (Rough ER) เพื่อทำให้มันเป็นไกลโคโปรตีนต่อไป นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการสังเคราะห์ไลโซโซมอีกด้วย

5.ไลโซโซม (Lysosome)

         เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล์เพียงชั้นเดียว ภายในจะมีความเป็นกรด ซึ่งจะมีหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้ามาในเซลล์ รวมถึงจะทำหน้าที่ในการกำจัดออร์แกเนลล์ที่หมดอายุ หรือเสื่อมสภาพให้หลุดออกไป

6.แวคิวโอล (Vacuole)

         มีลักษณะเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ภายในเซลล์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้แก่

  1. Food vacuole มีหน้าที่ในการสะสมอาหาร และอยู่รวมกับไลโซโซมเพื่อให้เกิดการย่อยอาหารในตัวนั้น ๆ
  2. Contractile vacuole มีหน้าที่ในการกำจัดส่วนเกินในโปรโตชัวน้ำจืด       
  3. Fat vacuole มีหน้าที่ในการสะสมหยดไขมันในเนื้อเยื่อไขมัน Adipose tissue
  4. Central vacuole มีหน้าที่ในการสะสมสารชนิดต่าง ๆ เช่น น้ำ แร่ธาตุ เพื่อรักษาแรงดันเต่งในเซลล์พืชนั่นเอง

7.ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)

         นับว่าเป็นออร์แกเนลล์หนึ่งที่มีความสำคัญต่อเซลล์อย่างมาก โดยจะมีเยื่อหุ้มเซลล์ 2 ชั้น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการหายใจในระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน โดยจะมีหน้าที่หลัก ๆ ในการสร้างและผลิตพลังงานให้กับเซลล์ ทำให้เกิดวัฏจักรเครบส์ (Krebs cycle) และเกิดการถ่ายทอดอิเล็กตรอน (Electron transport chain)

8.คลอโรพลาสต์ (Chloroplast)

เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล 2 ชั้น จะมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้เท่านั้น ซึ่งมีหน้าที่หลัก ๆ ที่ทำให้เกิดกระบวนการ หรือปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยจะเกิดขึ้นที่บริเวณ ไทลาคอยด์ (Thylakoid) และ ลาเมลลา (Lamella) ส่วนปฏิกิริยาการตรึงคาร์บอนนั้นจะสามารถเกิดได้ที่บริเวณ สโตรมา (Stroma) นั่นเอง

9.เพอรอกซิโซม (Peroxisome)

         เป็นออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้มเซลล์เพียงชั้นเดียว มีลักษณะเป็นถุงกลม ๆ คล้ายกับไลโซโซม ซึ่งจะทำหน้าที่หลัก ๆ คือการสลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ H2O2 ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ โดยจะพบมากในเซลล์ตับ เพราะมันจะคอยทำหน้าที่ในการทำลายสารพิษในร่างกาย เช่น แอลกอฮอล์ และอีกหนึ่งหน้าที่คือการเปลี่ยนไขมันให้เป็นน้ำตาลนั่นเอง

10.ไซโทสเกเลตอน (Cytoskeleton) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

  1. Microtubule มีขนาดใหญ่ที่สุด ถึง 25 นานาโมตร โดยจะเป็นองค์ประกอบของ Spindle fiber ที่เกี่ยวข้องกับการแยกโครโมโซม และเป็นองค์ประกอบของ Cilia และ Flagella มีหน้าที่ในการโบกพัดให้เซลล์เคลื่อนที่ไปได้
  2. Intermediate filament มีขนาดปานกลาง ประมาณ 8 – 12 นาโนเมตร เป็นองค์ประกอบของเส้นใยเคอราติน (Keratin) ในเส้นผม ขน และเขาของสัตว์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการยึดนิวเคลียส รวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเซลล์อีกด้วย
  3. Microfilament มีขนาดเล็กที่สุด ประมาณ 7 นานาโมตร ซึ่งจะประกอบขึ้นจาก Actin ที่อยู่ในกล้ามเนื้อ โดยจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวภายในเซลล์ หรือการหมุนเวียนไซโทพลาสซึมนั่นเอง รวมถึงเป็นการทำงานของกล้ามเนื้อภายในสัตว์ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Myosin   

 นอกจากนี้ น้อง ๆ ม.ปลายทุคนสามารถเข้าไปเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในวิชาชีววิทยากับครูพี่โฟล์ค ได้ในรายการ ห้องเรียนติวเข้ม ม.ปลาย << (คลิกเลย) ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.40 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.30 น. ทาง ALTV ช่อง 4 ทีวีเรียนสนุก 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ชีววิทยา, 
#เซลล์, 
#เซลล์พืช, 
#เซลล์สัตว์, 
#นิวเคลียส, 
#โพรคาริโอต, 
#ยูคาริโอต, 
#ALTV, 
#ทีวีเรียนสนุก, 
#ติวสอบ, 
#เตรียมสอบ, 
#สอบ, 
#อาณาจักร, 
#ม.ปลาย, 
#ติวสอบม.ปลาย 
ผู้เขียนบทความ
avatar
PHAKAWAN PHOCHAROEN
PANGRAM
หลงใหลการตั้งแคมป์ในฤดูหนาว คลั่งรักธรรมชาติระดับ 10
ALTV CI
LearnMore
LearnMore
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
PHAKAWAN PHOCHAROEN
PANGRAM
หลงใหลการตั้งแคมป์ในฤดูหนาว คลั่งรักธรรมชาติระดับ 10
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ชีววิทยา, 
#เซลล์, 
#เซลล์พืช, 
#เซลล์สัตว์, 
#นิวเคลียส, 
#โพรคาริโอต, 
#ยูคาริโอต, 
#ALTV, 
#ทีวีเรียนสนุก, 
#ติวสอบ, 
#เตรียมสอบ, 
#สอบ, 
#อาณาจักร, 
#ม.ปลาย, 
#ติวสอบม.ปลาย 
แชร์
ฟัง
ชอบ
ติดตามเรา