จุดเด่นสำคัญที่ถือเป็นไฮไลต์ของงาน คือ ประตู 3 บาน ที่เปิดต้อนรับทุกคนไปยัง 3 โซนที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ประตูนโยบาย ประตูเปิดบ้านด้วยรอยยิ้ม และประตูเวทีสารพันบันเทิง แต่ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจประตูทั้ง 3 บาน ทุกคนจะได้พบกับรถคาราวาน 3 คัน จอดอยู่ด้านหน้าจากหน่วยงานที่น่าสนใจ คือ
พอเดินสำรวจรถคาราวานทั้ง 3 คันแล้ว มาดูกันว่าเรื่องราวที่ซ่อนอยู่หลังประตู 3 บานจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
เมื่อเดินผ่านประตูบานแรกมายังบริเวณ คอนเวนชัน ฮอล อาคาร D พบกับเวทีเสวนา “Thai PBS Forum : Bridging Policy To Public เชื่อมต่อนโยบาย - สาธารณะ” เริ่มต้นเปิดเวทีเสาวนาด้วยหัวข้อ “บทบาทและทิศทางของสื่อสาธารณะ” โดย “รศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล” ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่การบริโภคสื่อเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเติบโตของเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดช่องว่างของการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
โอกาสนี้ยังมีการเปิดตัว “Policy Watch” นวัตกรรมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและติดตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายภาคการเมือง นโยบายภาคสังคม หลังการเลือกตั้ง ปี 2566 โดยมีแขกรับเชิญตัวแทนของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาพูดถึงมุมมองประเด็นต่าง ๆ อาทิ
สำหรับใครที่อยากติดตามการทำงานรัฐบาลและนโยบายต่าง ๆ ผ่าน Policy Watch สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ https://policywatch.thaipbs.or.th (คลิก)
ประตูที่ต้อนรับด้วยร้อยยิ้มของชาวไทยพีบีเอส ซึ่งจะพาเราไปสู่โซนนิทรรศการ (Showcase & Exhibition) ถือว่าเป็นโซนที่ได้รับความสนใจไม่น้อยในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เพราะเป็นส่วนที่ทุกคนจะได้ชมสถานที่ทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้บ้านไทยพีบีเอสหลังนี้ และเข้าใจการทำงานของสื่อสารมวลชนอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่
เมื่อได้เรียนรู้ไปกับเบื้องหลังการทำงานข่าวแล้ว ต่อด้วยการรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังการผลิตรายการสารคดี “พระพิราพ” จากปากศิลปินชั้นครูของวงการนาฏศิลป์ไทย ได้แก่ ครูสุดจิตต์ พันธ์สังข์ อดีตผู้เชี่ยวชาญ นาฏศิลป์ไทย กรมศิลปากร, ครูประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์-โขน) และเพชรพริ้ง สารสิน อดีตผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยทั้ง 3 ท่านได้บอกเล่าถึง เรื่องราวและความเป็นมาของศาสตร์การร่ายรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ ที่ถือเป็นศิลปะการแสดงขั้นสูงและน้อยคนที่จะรู้จัก พร้อมรับชมตัวอย่างสารคดีที่เผยแพร่เป็น “ที่แรก” เรียกได้ว่าเป็นความพิเศษที่หาได้เฉพาะในงานนี้เท่านั้น
จุดสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ หลังจากที่ทุกคนทำความรู้จักไทยพีบีเอสในทุกส่วนของการทำงานแล้ว สามารถบอกเล่าความในใจที่อยากบอกกับชาวไทยพีบีเอส ที่บอร์ด “ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อเต็มอิ่มกับสาระความรู้แล้ว ก็มาถึงโซนสำหรับพักผ่อนหย่อนใจกันบ้าง นั่นคือ โซนสารพันบันเทิง ที่แค่ชื่อก็บ่งบอกถึงความสนุกสนานและสุนทรีย์รอบด้าน ทั้งดนตรีสด ผลงานศิลปะ และสินค้าจากชุมชนให้ได้เลือกช้อปกว่า 20 ร้านค้า และมุม Art&Craft จาก Ms.Klin.Gal และ งานถักจาก Crazy craft
เมื่อเดินเข้าสู่บริเวณสนามหญ้าใกล้ ๆ ร้านค้าจำหน่ายอาหาร พบกับโซนกิจกรรมของ กลุ่มสาธารณศิลป์ หรือ Art For Public จากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีศิลปินอย่าง ดร.วิจิตร อภิชาติเกรียงไกร มาเป็นแขกรับเชิญ แสดงผลงานการออกแบบ “สะพานแห่งความหวัง” เพื่องานนี้โดยเฉพาะ และมีกิจกรรมตัดแบ่งผ้าที่สกรีนลวดลายสวยงามความยาว 8 เมตรเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมงานอีกด้วย
นอกจากกิจกรรมของศิลปินแล้ว ยังมี Workshop ศิลปะที่สร้างสรรค์จากธรรมชาติรอบตัว สำหรับผู้ที่สนใจอยากลงมือทำ ได้แก่
ไม่เพียงเท่านั้นทุกคนยังได้ชิมอาหารท้องถิ่นจากชุมชนศาลายา มีขนมอีส้มสมหวัง, แก้วโกเมน, ขนมจากฟักข้าว
เมี่ยงดอกบัว และข้าวห่อใบบัวที่นำมาแจกให้กับผู้ร่วมงาน
ในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีศูนย์รับบริจาคสิ่งของจาก “มูลนิธิกระจกเงา” ที่เปิดให้ผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถบริจาคสิ่งของเหลือใช้ อาทิ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์สำนักงาน เพื่อนำไปส่งต่อให้โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล นอกจากนี้ยังรับบริจาคขยะพลาสติกเพื่อเข้าโครงการ “ชรารีไซเคิล” สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุไร้บ้าน ใครที่นำสิ่งของมาบริจาคก็จะได้เหรียญเป็นที่ระลึกสามารถนำไปแลกเครื่องดื่มและอาหารในส่วนของกลุ่มสาธารณศิลป์อีกด้วย
เดินไปอีกนิดด้านหน้าประตูทางเข้าไทยพีบีเอส จะพบกับ "สวน 15 นาที" สวนขนาดย่อมที่ล้อมรอบไปด้วยไม้ประดับและมุมที่นั่งสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ โดยสวนแห่งนี้เกิดขึ้นตามนโยบาย "หลักสี่สีเขียว" ของกรุงเทพมหานครที่ต้องการกระจายพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที หรือทุกระยะทาง 800 เมตร สวน 15 นาที ไทยพีบีเอส จึงไม่ได้เป็นเพียงมุมพักผ่อนสำหรับผู้ที่มางานเท่านั้น แต่เป็นสวนที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาออกทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ได้จริง โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้ทุกวัน โดยที่ตั้งจะอยู่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
พอถึงเวลาบ่ายคล้อยก็ได้เวลาผ่อนคลายไปกับบทเพลงจากละครไทยพีบีเอส ที่ขับกล่อมโดยศิลปินจากละคร 3 เรื่อง ได้แก่ "เนสท์ นิศาชล นักแสดงจากละครเรื่องนางฟ้าไร้นาม, โม สยาภา มาในเพลง เสน่หา ประกอบละครจากเจ้าพระยาสู่อิรวดี และณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม นักแสดงจากละครหมอตลอดกาล
ช่วงเวลาต่อมาก็ได้ฟังดนตรีอะคูสติกสบาย ๆ สไตล์ Jazz จากวง The Fat Connection ต่อมาก็เพิ่มจังหวะขยับร่างกายกันสักหน่อย ที่เวทีการแสดงสารพันลั่นทุ่ง พบยิ่งยง ยอดบัวงาม, เจเน็ต เขียว และสาว ๆ เป็นต้องกรี๊ดเมื่อพบกับ "แน็ค-โน่ เทพบุตรสุดที่รัก" ปิดท้ายด้วยวงดนตรีขวัญใจยุค 80's คือวง The Palace ที่ทั้งร้องทั้งเต้น สร้างความสุขให้กับเหล่าผู้มาร่วมงาน โดยไม่มีพักกันเลย เรียกได้ว่าเป็นโชว์ปิดงานที่สร้างรอยยิ้มและความสนุกกลับบ้านโดยสมบูรณ์
นับว่าการเปิดบ้านของไทยพีบีเอสครั้งแรกครั้งนี้ มอบความรู้และบันเทิงแก่ผู้มาเยี่ยมเยือนได้มากจริง ๆ
📍ติดตามเรื่องราวของการเปิดบ้านไทยพีบีเอสทาง www.thaipbs.or.th/OpenHouse2023
ข้อมูลและภาพประกอบ : www.thaipbs.or.th
• Facebook : Thai PBS
• IG : www.instagram.com/thaipbs
• X : twitter.com/ThaiPBS
• TikTok : www.tiktok.com/@thaipbs